จีนแก้ไขความยากจนอย่างไร? (ตอน๒)
จีนแก้ไขความยากจนอย่างไร? | แนวคิด “ร่ำรวยร่วมกัน” (Common Prosperity) ถูกแปลงเป็นมาตรการและโครงการที่จับต้องได้จริงในหลายด้าน นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม:
เศรษฐกิจ
ลุงหมวย
12/19/2025
1. การปฏิรูปอุตสาหกรรมกวดวิชา (หลังปี 2021)
ก่อนหน้านี้ ครอบครัวจีนหลายล้านครัวเรือนต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษให้ลูกเป็นจำนวนมาก — บางครั้งมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ครัวเรือน — เพื่อให้ลูกแข่งขันได้ในระบบการศึกษาที่กดดันสูง
ในปี 2021 รัฐบาลจีนประกาศ ห้ามบริษัทกวดวิชาแสวงหากำไร โดยให้โรงเรียนกวดวิชาเอกชนต้องเปลี่ยนสถานะเป็นองค์กรไม่แสวงกำไร ห้ามระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ และห้ามโฆษณาเกินจริง
ผลลัพธ์: ค่าเรียนพิเศษลดลงอย่างมาก ครอบครัวมีภาระน้อยลง และเด็กจากครอบครัวรายได้น้อยมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาเสริมมากขึ้นผ่านช่องทางรัฐ
2. “หมู่บ้านร่ำรวยร่วมกัน” ในมณฑลเจ้อเจียง
มณฑลเจ้อเจียงถูกเลือกเป็น “示范区” (示范区 = เขตสาธิต) สำหรับการร่ำรวยร่วมกัน โดยรัฐบาลท้องถิ่นร่วมกับบริษัทเอกชน เช่น Alibaba สร้างโมเดลพัฒนาชนบทแบบบูรณาการ เช่น:
สนับสนุนเกษตรกรให้ขายสินค้าผ่าน Taobao Village (หมู่บ้านเถาเป่า)
สร้าง “ศูนย์โลจิสติกส์ชุมชน” เพื่อส่งสินค้าได้รวดเร็ว
พัฒนาการท่องเที่ยววัฒนธรรมท้องถิ่น
จัดตั้งกองทุนชุมชนเพื่อช่วยผู้สูงอายุและคนพิการ
ภายในไม่กี่ปี รายได้เฉลี่ยต่อหัวในบางหมู่บ้านเพิ่มขึ้นเกิน 50% และช่องว่างรายได้ระหว่างเมืองกับชนบทแคบลงอย่างชัดเจน
3. มาตรการควบคุม “เศรษฐีพันล้าน” และส่งเสริมการบริจาค
ในปี 2021–2022 รัฐบาลจีนเร่งตรวจสอบกลุ่มคนร่ำรวย โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยี พร้อมกระตุ้นให้ “คืนกำไรให้สังคม” ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ:
Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ประกาศบริจาคเงินหลายพันล้านหยวนเพื่อการศึกษาและสิ่งแวดล้อม
Pinduoduo บริษัทอีคอมเมิร์ซ จัดตั้ง “มูลนิธิเกษตรกรรม” เพื่อช่วยยกระดับเทคโนโลยีการเกษตรในชนบท
Meituan บริจาคเงินกว่า 10,000 ล้านหยวนเพื่อสนับสนุนผู้ส่งอาหาร (rider) ด้วยประกันสุขภาพและกองทุนสวัสดิการ
ไม่ใช่การ “บังคับ” แต่เป็นระบบนิเวศที่สร้างแรงจูงใจให้คนรวยมีส่วนร่วมในการลดความเหลื่อมล้ำ
4. “บ้านสังคม” และการควบคุมราคาที่อยู่อาศัย
ปัญหาที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ต่อการร่ำรวยของคนรายได้กลาง-ต่ำ รัฐบาลจีนจึงเร่งสร้าง “保障性住房” (บ้านสังคม/บ้านราคาไม่เกินเอื้อม) โดย:
จัดที่ดินให้เอกชนสร้างบ้านราคาประหยัด
ให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้มีรายได้น้อย
จำกัดการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ (เช่น ห้ามซื้อเกิน 2 หลังในเมืองใหญ่)
ในเมืองเช่น ซีอาน หรือ เฉิงตู โครงการบ้านสังคมช่วยให้คนหนุ่มสาวมีบ้านเป็นของตัวเองได้โดยไม่ต้องก่อหนี้ระยะยาว
5. “โครงการสามชั่วโมงสู่โรงพยาบาลระดับสาม”
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข รัฐบาลจีนผลักดันให้ทุกคนในชนบทสามารถเข้าถึง โรงพยาบาลคุณภาพสูง (ระดับสาม) ได้ภายใน 3 ชั่วโมง ผ่าน:
การสร้างถนนและระบบขนส่งสาธารณะ
การเชื่อมต่อระบบแพทย์ทางไกล (telemedicine)
การส่งแพทย์จากเมืองใหญ่ไปประจำในพื้นที่ห่างไกลเป็นระยะ
นี่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคเรื้อรังในชนบท และทำให้สุขภาพประชาชน “เท่าเทียม” มากขึ้น
ตัวอย่างเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า “ร่ำรวยร่วมกัน” คือ นโยบายที่ส่งผลต่อชีวิตจริง — ตั้งแต่พ่อแม่ที่ไม่ต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษหลายหมื่นหยวนต่อเดือน เกษตรกรที่ขายลิ้นจี่ผ่านไลฟ์สดได้ทั่วประเทศ ไปจนถึงคนส่งอาหารที่ได้ประกันสุขภาพ
แนวคิดนี้อาจยังไม่สมบูรณ์ 100% และยังมีข้อถกเถียง แต่สิ่งที่พยายามทำคือ เปลี่ยน “การเติบโต” ให้เป็น “การเติบโตร่วมกัน”
ข้อมูลและสถิติที่ชัดเจนจากหลายหน่วยงาน ทั้งรัฐบาลจีน ธนาคารโลก (World Bank) และองค์กรวิจัยระหว่างประเทศ นี่คือตัวเลขสำคัญที่สะท้อนความคืบหน้าและบริบทของนโยบาย :
🔹 1. ความยากจนถูก “ขจัด” อย่างเป็นทางการ (2020)
100 ล้านคน → จำนวนประชากรที่หลุดพ้นจากความยากจนตามมาตรฐานจีน (รายได้ต่ำกว่า 4,000 หยวน/ปี หรือราว 18,000 บาท) ระหว่างปี 2012–2020
832 อำเภอ → จำนวนเขตยากจนระดับชาติที่ถูกถอดออกจากบัญชี “พื้นที่ยากจน” ทั้งหมดภายในปี 2020
ความยากจนสุดขั้ว = 0% → ตามการประกาศของรัฐบาลจีนในเดือนกุมภาพันธ์ 2021
ที่มา: สำนักงานบรรเทาความยากจนแห่งชาติจีน (National Rural Revitalization Administration)
🔹 2. ช่องว่างรายได้: ค่าสัมประสิทธิ์จีนี (Gini Coefficient)
ค่าจีนีวัดความเหลื่อมล้ำ — ค่า 0 = เท่าเทียมสมบูรณ์, ค่า 1 = เหลื่อมล้ำสุดขีด
ปี 2008: ค่าจีนีของจีนอยู่ที่ 0.491 (จุดสูงสุด)
ปี 2022: ลดลงเหลือประมาณ 0.47
เปรียบเทียบ: สหรัฐฯ ≈ 0.49, ไทย ≈ 0.44 (ข้อมูลประมาณการล่าสุด)
แม้ยังสูงกว่าเกณฑ์ “เตือนภัย” ที่ 0.4 แต่แนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องหลังปี 2016
ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS)
🔹 3. รายได้เฉลี่ย: เมือง vs ชนบท
ปี 2023:
รายได้เฉลี่ยต่อหัวใน เมือง = 51,821 หยวน (~7,200 ดอลลาร์สหรัฐ)
รายได้เฉลี่ยต่อหัวใน ชนบท = 21,600 หยวน (~3,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
อัตราส่วนเมือง:ชนบท = 2.39:1
ลดลงจาก 2.62:1 ในปี 2015
หมายเหตุ: แม้อัตราส่วนยังไม่เท่ากัน แต่ถือว่าแคบลงเรื่อย ๆ — เป้าหมายของจีนคือให้เหลือไม่เกิน 2:1 ภายในปี 2035
ที่มา: National Bureau of Statistics of China (2024)
🔹 4. การศึกษา: การปฏิรูปโรงเรียนกวดวิชา (2021–2024)
ก่อนปี 2021: ตลาดโรงเรียนกวดวิชาเอกชนมีมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านหยวน/ปี
หลังนโยบาย “Double Reduction”:
95% ของโรงเรียนกวดวิชาเอกชนที่แสวงหากำไร หยุดดำเนินการหรือเปลี่ยนเป็นองค์กรไม่แสวงกำไร
75% ของผู้ปกครองรายงานว่า “ภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาลดลงอย่างมาก”
ที่มา: Ministry of Education of China (2023 Survey)
🔹 5. ชนชั้นกลางกำลังขยายตัว
ปี 2023: จีนมี “ชนชั้นกลาง” ประมาณ 500 ล้านคน
เป้าหมายปี 2035: ขยายเป็น 800 ล้านคน
โดยนิยาม “ชนชั้นกลาง” ของจีน = รายได้ครัวเรือนระหว่าง 100,000–500,000 หยวน/ปี (ราว 450,000–2.25 ล้านบาท)
ที่มา: Chinese Academy of Social Sciences (CASS)
🔹 6. การบริจาคเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ปี 2020: มูลค่าการบริจาคของบุคคลและองค์กรในจีน = 225,000 ล้านหยวน
ปี 2023: เพิ่มเป็น 309,000 ล้านหยวน (+37% ใน 3 ปี)
บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ เช่น Tencent, Alibaba, Pinduoduo ติดอันดับผู้บริจาคมากที่สุด
ที่มา: China Philanthropy Research Institute
🔹 7. เป้าหมายระยะยาวภายใต้ “ร่ำรวยร่วมกัน”
ปี 2035: รายได้ต่อหัวเพิ่มเป็น 2 เท่า จากปี 2020
ปี 2035: กลายเป็น “สังคมรายได้ปานกลางสูง” (Upper-middle-income society)
ปี 2050: บรรลุ “สังคมร่ำรวยร่วมกันอย่างสมบูรณ์”
ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ตัวชี้วัดเชิงปริมาณ เป็นเข็มทิศในการขับเคลื่อนนโยบาย ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าจีนี การขยายชนชั้นกลาง หรือการบีบช่องว่างรายได้เมือง-ชนบท
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่า ความท้าทายยังคงมีอยู่ — เช่น หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น อัตราการเกิดที่ลดลง และผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก — ซึ่งอาจส่งผลต่อความยั่งยืนของ “ร่ำรวยร่วมกัน” ในระยะยาว
แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ: จีนกำลังสร้างโมเดลการพัฒนาที่เน้น “ส่วนรวม” มากกว่า “ปัจเจก” — และกำลังใช้ข้อมูลจริงเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกย่างก้าว.
